HDMI คือ อะไร
มันก็คือสายนำสัญญาณแบบ สาย av หรือสาย component นั่นแล แต่ว่าlสองตัวนั้นเป็นระบบอนาล็อก แต่สายhdmi เป็นระบบดิจิตอลทำให้ไม่เกิดloss อีกทั้งยังส่งทั้งภาพและเสียงในสายเส้นเดียวกัน ทำให้ไม่เกะกะอีกด้วย ถ้ามี lcd tv หรือเล่นพวกไฟล์ High definition ก็ควรจะใช้สาย hdmiครับ
HDMI เป็นระบบการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบใหม่คะ ย่อมาจากคำว่า (H)igh (D)efinition (M)ultimedia (I)nterface โดย HDMI จะเชื่อมต่อทั้งสัญญาณภาพและเสียงระบบดิจิตอลแบบไม่มีการบีบอัดข้อมูลไว้ในสายสัญญาณเพียงเส้นเดียวให้ความคมชัดของภาพ มีความละเอียด มีความคมลึกและให้เสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมาขั้วต่อของ HDMI to HDMI จะผลิตจากทองแท้ 24 K ด้วยนะคะ ทุกวันนี้ HDMI ถูกนำมาใช้กับอุปกรณ์ Home Theatre หลายอย่างเช่น พลาสม่าทีวี แอลซีดีทีวี เครื่องเล่นดีวีดี ฯลฯ
HDMI = High Definition Multi-media Interface
HDMI เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบ digital
ที่น่าจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในอุปกรณ์ภาพและเสียงยุคนี้..
หน้าตาของช่องต่อ HDMI ก็จะคล้ายๆกับช่องต่อ USB ของคอมฯน่ะครับ..
แต่ว่าจะใหญ่กว่านิดหน่อย..
การเชื่อมต่อสัญญาณภาพและเสียงยกตัวอย่างเช่นจากเครื่องเล่น DVD
ไปยังจอทีวี (ทั้งแบบ CRT และ LCD) ก็จะต้องใช้สายสัญญาณในการ
เชื่อมต่อ.. สายสัญญาณที่ใช้นั่นก็คือสาย HDMI นั่นเองครับ..
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น..อุปกรณ์ที่จะใช้เชื่อมต่อนั้นจะต้องมีช่องต่อ HDMI
รองรับนะครับ.. เครื่องเล่น DVD ไม่ได้มีช่องต่อ HDMI ทุกรุ่น จะมีเฉพาะ
แค่บางรุ่นเท่านั้น.. ส่วนทีวีแบบ CRT (พวกจอบวม) ก็จะมีแค่ไม่กี่รุ่น
เท่านั้นที่มีช่องต่อ HDMI ในขณะที่ LCD TV จะมีช่องต่อ HDMI
เป็นมาตรฐาน (แต่ว่าจะมีให้มากี่ช่องนั้นแล้วแต่รุ่นและยี่ห้อครับ)..
ราคาสาย HDMI มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงเป็นหมื่นบาท..
ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบและยี่ห้อครับ..แต่ผมเองก็ยังไม่เคยลอง
ใช้สาย HDMI แพงๆอ่ะนะ.. พอดีเครื่องเล่น DVD ที่ซื้อมามันแถมสาย
HDMI มาให้เรียบร้อยแล้วน่ะครับ..
HDMI เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบ digital
ที่น่าจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในอุปกรณ์ภาพและเสียงยุคนี้..
หน้าตาของช่องต่อ HDMI ก็จะคล้ายๆกับช่องต่อ USB ของคอมฯน่ะครับ..
แต่ว่าจะใหญ่กว่านิดหน่อย..
การเชื่อมต่อสัญญาณภาพและเสียงยกตัวอย่างเช่นจากเครื่องเล่น DVD
ไปยังจอทีวี (ทั้งแบบ CRT และ LCD) ก็จะต้องใช้สายสัญญาณในการ
เชื่อมต่อ.. สายสัญญาณที่ใช้นั่นก็คือสาย HDMI นั่นเองครับ..
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น..อุปกรณ์ที่จะใช้เชื่อมต่อนั้นจะต้องมีช่องต่อ HDMI
รองรับนะครับ.. เครื่องเล่น DVD ไม่ได้มีช่องต่อ HDMI ทุกรุ่น จะมีเฉพาะ
แค่บางรุ่นเท่านั้น.. ส่วนทีวีแบบ CRT (พวกจอบวม) ก็จะมีแค่ไม่กี่รุ่น
เท่านั้นที่มีช่องต่อ HDMI ในขณะที่ LCD TV จะมีช่องต่อ HDMI
เป็นมาตรฐาน (แต่ว่าจะมีให้มากี่ช่องนั้นแล้วแต่รุ่นและยี่ห้อครับ)..
ราคาสาย HDMI มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงเป็นหมื่นบาท..
ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบและยี่ห้อครับ..แต่ผมเองก็ยังไม่เคยลอง
ใช้สาย HDMI แพงๆอ่ะนะ.. พอดีเครื่องเล่น DVD ที่ซื้อมามันแถมสาย
HDMI มาให้เรียบร้อยแล้วน่ะครับ..
HDMI เป็นระบบการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบใหม่
ย่อมาจากคำว่า (H)igh (D)efinition (M)ultimedia (I)nterface โดย HDMI จะเชื่อมต่อ
ทั้งสัญญาณภาพและเสียงระบบดิจิตอลแบบไม่มีการบีบอัดข้อมูลไว้ในสายสัญญาณเพียงเส้นเดียว
ให้ความคมชัดของภาพ มีความละเอียด มีความคมลึกและให้เสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ขั้วต่อของHDMI to HDMI จะผลิตจากทองแท้ 24 K ด้วย
ย่อมาจากคำว่า (H)igh (D)efinition (M)ultimedia (I)nterface โดย HDMI จะเชื่อมต่อ
ทั้งสัญญาณภาพและเสียงระบบดิจิตอลแบบไม่มีการบีบอัดข้อมูลไว้ในสายสัญญาณเพียงเส้นเดียว
ให้ความคมชัดของภาพ มีความละเอียด มีความคมลึกและให้เสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ขั้วต่อของHDMI to HDMI จะผลิตจากทองแท้ 24 K ด้วย
ทุกวันนี้ HDMI ถูกนำมาใช้กับอุปกรณ์ Home Theatre หลายอย่างเช่น พลาสม่าทีวี แอลซีดีทีวี
เครื่องเล่นดีวีดี ฯลฯ
เครื่องเล่นดีวีดี ฯลฯ
HDMI คืออะไร
มาตรฐาน HDMI เป็นมาตรฐานการส่งข้อมูลที่ทาง Sony, Hitachi, Thomson (RCA), Philips,
Matsushita (Panasonic), Toshiba และ Silicon Image ได้พัฒนาขึ้น โดยชื่อ HDMI
นี้เป็นตัวย่อที่ย่อมาจาก High-Definition Multimedia Interface ซึ่งความหมายของมันก็ตรงประเด็นครับ
คือเป็นการเชื่อมต่อสำหรับมัลติมีเดียความละเอียดสูงนั่นเอง
และด้วยความที่มันได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับมัลติมีเดียนั่นเอง
จึงทำให้มันมีจุดเด่นตรงที่มันรองรับการส่งทั้งสัญญาณภาพและเสียงไปพร้อมๆ
กันบนสายเคเบิลเส้นเดียวกัน ผ่านพอร์ตๆ เดียวกัน
ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายและลดความสับสนในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ลงได้อย่างมากทีเดียว
มาตรฐาน HDMI เป็นมาตรฐานการส่งข้อมูลที่ทาง Sony, Hitachi, Thomson (RCA), Philips,
Matsushita (Panasonic), Toshiba และ Silicon Image ได้พัฒนาขึ้น โดยชื่อ HDMI
นี้เป็นตัวย่อที่ย่อมาจาก High-Definition Multimedia Interface ซึ่งความหมายของมันก็ตรงประเด็นครับ
คือเป็นการเชื่อมต่อสำหรับมัลติมีเดียความละเอียดสูงนั่นเอง
และด้วยความที่มันได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับมัลติมีเดียนั่นเอง
จึงทำให้มันมีจุดเด่นตรงที่มันรองรับการส่งทั้งสัญญาณภาพและเสียงไปพร้อมๆ
กันบนสายเคเบิลเส้นเดียวกัน ผ่านพอร์ตๆ เดียวกัน
ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายและลดความสับสนในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ลงได้อย่างมากทีเดียว
การต่อสายที่ยุ่งยากซับซ้อนจะถูกแก้ไขด้วยการเชื่อมต่อแบบ HDMI
ด้วยจุดประสงค์หลักของ HDMI ที่ถูกพัฒนาขึ้นก็เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค
เพื่อให้ได้รับความบันเทิงเต็มรูปแบบกับระบบภาพและเสียงแบบ High-Definition
และระบบเสียงรอบทิศทาง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่มีการเชื่อมต่อแบบ HDMI นั้น
คุณอาจจะต้องเชื่อมต่อสัญญาณวิดีโอและสัญญาณเสียง อย่างน้อยก็ 2 ช่องทางแล้ว
ยิ่งถ้าคุณต่อสัญญาณวิดีโอแบบ Component และใช้ระบบเสียงแบบ 5.1
หรือ 7.1-Channel ด้วยแล้ว จะต้องเชื่อมต่อสายเป็นสิบเส้นให้วุ่นวายไปหมด
HDMI จึงช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อทุกอย่างได้ภายในสายเส้นเดียว เหมาะสำหรับพวกมีเดียเพลเยอร์
เครื่องเล่นเกมคอนโซล หรืออุปกรณ์ Set top box ต่างๆ ที่ต้องต่อเข้ากับทีวีอย่างยิ่ง
เพื่อให้ได้รับความบันเทิงเต็มรูปแบบกับระบบภาพและเสียงแบบ High-Definition
และระบบเสียงรอบทิศทาง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่มีการเชื่อมต่อแบบ HDMI นั้น
คุณอาจจะต้องเชื่อมต่อสัญญาณวิดีโอและสัญญาณเสียง อย่างน้อยก็ 2 ช่องทางแล้ว
ยิ่งถ้าคุณต่อสัญญาณวิดีโอแบบ Component และใช้ระบบเสียงแบบ 5.1
หรือ 7.1-Channel ด้วยแล้ว จะต้องเชื่อมต่อสายเป็นสิบเส้นให้วุ่นวายไปหมด
HDMI จึงช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อทุกอย่างได้ภายในสายเส้นเดียว เหมาะสำหรับพวกมีเดียเพลเยอร์
เครื่องเล่นเกมคอนโซล หรืออุปกรณ์ Set top box ต่างๆ ที่ต้องต่อเข้ากับทีวีอย่างยิ่ง
อนาคต อุปกรณ์จำพวกมีเดียเพลเยอร์หรือ Set tob box
ก็จะหันไปใช้การเชื่อมต่อ HDMI กันหมด เพราะสะดวกกว่า
ก็จะหันไปใช้การเชื่อมต่อ HDMI กันหมด เพราะสะดวกกว่า
อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ HDMI เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อที่รองรับกับมาตรฐาน
HDCP ซึ่งเป็นมาตรฐานการป้องกันการสำเนาข้อมูลและใช้สำหรับจำกัดคุณภาพสำหรับ
อุปกรณ์ที่ไม่รองรับมาตรฐาน HDCP อีกด้วย
HDCP ซึ่งเป็นมาตรฐานการป้องกันการสำเนาข้อมูลและใช้สำหรับจำกัดคุณภาพสำหรับ
อุปกรณ์ที่ไม่รองรับมาตรฐาน HDCP อีกด้วย
คุณสมบัติของ HDMI
แน่นอนว่าการเชื่อมต่อแต่ละชนิดย่อมต้องมีขีดจำกัดที่ถูกกำหนดมาไว้ด้วยกันทั้งสิ้น
ซึ่งนั้นก็คือคุณสมบัติของการเชื่อมต่อนั้นเอง HDMI นี้ก็มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับอินเทอร์เฟซอื่นๆ
แต่ด้วยความที่มันได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับกับมัลติมีเดียระดับ High-Definition อยู่แล้ว
มันจึงมีความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลทั้งภาพวิดีโอและเสียงที่คุณภาพระดับ High-Definition
ได้อย่างสบาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการบีบอัดข้อมูลเลย
แน่นอนว่าการเชื่อมต่อแต่ละชนิดย่อมต้องมีขีดจำกัดที่ถูกกำหนดมาไว้ด้วยกันทั้งสิ้น
ซึ่งนั้นก็คือคุณสมบัติของการเชื่อมต่อนั้นเอง HDMI นี้ก็มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับอินเทอร์เฟซอื่นๆ
แต่ด้วยความที่มันได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับกับมัลติมีเดียระดับ High-Definition อยู่แล้ว
มันจึงมีความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลทั้งภาพวิดีโอและเสียงที่คุณภาพระดับ High-Definition
ได้อย่างสบาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการบีบอัดข้อมูลเลย
การส่งสัญญาณภาพ
สำหรับการส่งภาพวิดีโอนั้นเนื่องจากแหล่งที่มาของข้อมูลภาพนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ
ดังนั้นมันจึงจะถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบของ MPEG เสียก่อน เพื่อใช้สำหรับส่งข้อมูลไปตามสาย
ซึ่งการส่งข้อมูลภาพวิดีโอแบบ MPEG ผ่าน HDMI นี้จะไม่มีการบีบอัดข้อมูลเลย
ทำให้การสูญเสียคุณภาพนั้นไม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของ HDMI นั่นเอง รูปแบบการส่งข้อมูลนั้นจะเป็นแบบ
TMDS ซึ่งเป็นรูปแบบการส่งข้อมูลแบบอนุกรมแบบเดียวกับที่ใช้บนการเชื่อมต่อแบบ DVI นั่นแหละครับ
สำหรับการส่งภาพวิดีโอนั้นเนื่องจากแหล่งที่มาของข้อมูลภาพนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ
ดังนั้นมันจึงจะถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบของ MPEG เสียก่อน เพื่อใช้สำหรับส่งข้อมูลไปตามสาย
ซึ่งการส่งข้อมูลภาพวิดีโอแบบ MPEG ผ่าน HDMI นี้จะไม่มีการบีบอัดข้อมูลเลย
ทำให้การสูญเสียคุณภาพนั้นไม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของ HDMI นั่นเอง รูปแบบการส่งข้อมูลนั้นจะเป็นแบบ
TMDS ซึ่งเป็นรูปแบบการส่งข้อมูลแบบอนุกรมแบบเดียวกับที่ใช้บนการเชื่อมต่อแบบ DVI นั่นแหละครับ
HDMI ก็จะมีการส่งสัญญาณวิดีโอที่คล้ายกับการเชื่อมต่อแบบ DVI ที่เราใช้งานกันอยู่นี่แหละครับมีหัวแปลง HDMI to DVI ด้วย เพื่อให้คุณสามารถต่อสัญญาณวิดีโอจากเครื่องเล่นที่เป็น HDMI
สู่จอที่อาจจะรองรับเพียงแค่ DVI เท่านั้น
สู่จอที่อาจจะรองรับเพียงแค่ DVI เท่านั้น
ขีดความสามารถในการส่งผ่านภาพวิดีโอของ HDMI นั้นจะขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของมาตรฐาน
ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก HDMI เป็นมาตรฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงมีเวอร์ชันที่ต่างกันอยู่พอสมควร
แต่ทั้งนี้ทุกๆ เวอร์ชันก็ยังคงใช้งานสายเคเบิลแบบเดียวกันอยู่ เพียงแต่จะมีความสามารถในการส่งข้อมูล
ได้แตกต่างกันไป ตามเวอร์ชัน อย่างเช่นในเวอร์ชัน 1.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรก จะมีความเร็วใน
การส่งสัญญาณข้อมูลภาพอยู่ที่ 165 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะสามารถรองรับสัญญาณภาพแบบ High-Definition
ที่ความละเอียดสูงถึง 1080p ที่ 60 เฮิรตซ์ ได้ หรือระดับ WUXGA (1920×1080)
ซึ่งนั่นคือระดับความละเอียดสูงสุด แต่ถ้าต้องการความละเอียดที่สูงมากกว่านี้
ก็จะต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน HDMI ที่มีเวอร์ชันสูงขึ้นอย่างเช่น 1.3
ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดจะมีความเร็วในการส่งข้อมูลที่ 340 เมกะเฮิรตซ์
และมีสามารถส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียดระดับ WQXGA (2560×1600) ได้
ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก HDMI เป็นมาตรฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงมีเวอร์ชันที่ต่างกันอยู่พอสมควร
แต่ทั้งนี้ทุกๆ เวอร์ชันก็ยังคงใช้งานสายเคเบิลแบบเดียวกันอยู่ เพียงแต่จะมีความสามารถในการส่งข้อมูล
ได้แตกต่างกันไป ตามเวอร์ชัน อย่างเช่นในเวอร์ชัน 1.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรก จะมีความเร็วใน
การส่งสัญญาณข้อมูลภาพอยู่ที่ 165 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะสามารถรองรับสัญญาณภาพแบบ High-Definition
ที่ความละเอียดสูงถึง 1080p ที่ 60 เฮิรตซ์ ได้ หรือระดับ WUXGA (1920×1080)
ซึ่งนั่นคือระดับความละเอียดสูงสุด แต่ถ้าต้องการความละเอียดที่สูงมากกว่านี้
ก็จะต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน HDMI ที่มีเวอร์ชันสูงขึ้นอย่างเช่น 1.3
ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดจะมีความเร็วในการส่งข้อมูลที่ 340 เมกะเฮิรตซ์
และมีสามารถส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียดระดับ WQXGA (2560×1600) ได้
การส่งสัญญาณเสียง
สำหรับการส่งสัญญาญเสียงนั้น HDMI ก็จะมีการส่งข้อมูลไปแบบไม่มีการบีบอัดเช่นเดียวกัน
โดยจะเป็นข้อมูลเสียงระดับ 192 กิโลเฮิรตซ์ และมีการ Sample แบบ 24 บิต ซึ่งเป็นระดับเสียงเดียวกับ
ที่ใช้ในระบบเดียว Dolby Digital หรือ DTS นั่นเอง นอกจากนี้ HDMI ยังรองรับระบบเสียงแบบ
8 Channel และรองรับ One Bit Audio ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ใน Super Audio CD ด้วย
แต่จะมีอัตราการส่งข้อมูลที่สูงขึ้นและมากกว่า Super Audio CD ถึง 4 เท่าด้วยกัน และยิ่งในเวอร์ชัน 1.3
ยิ่งมีการพัฒนาให้รองรับระบบเสียงที่มีคุณภาพเทียบเท่า Dolby TrueHD และ DTS-HD Master Audio ด้วย
สำหรับการส่งสัญญาญเสียงนั้น HDMI ก็จะมีการส่งข้อมูลไปแบบไม่มีการบีบอัดเช่นเดียวกัน
โดยจะเป็นข้อมูลเสียงระดับ 192 กิโลเฮิรตซ์ และมีการ Sample แบบ 24 บิต ซึ่งเป็นระดับเสียงเดียวกับ
ที่ใช้ในระบบเดียว Dolby Digital หรือ DTS นั่นเอง นอกจากนี้ HDMI ยังรองรับระบบเสียงแบบ
8 Channel และรองรับ One Bit Audio ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ใน Super Audio CD ด้วย
แต่จะมีอัตราการส่งข้อมูลที่สูงขึ้นและมากกว่า Super Audio CD ถึง 4 เท่าด้วยกัน และยิ่งในเวอร์ชัน 1.3
ยิ่งมีการพัฒนาให้รองรับระบบเสียงที่มีคุณภาพเทียบเท่า Dolby TrueHD และ DTS-HD Master Audio ด้วย
มาตรฐาน HDMI เวอร์ชันต่างๆ
- HDMI 1.0 Released December 2002
ใช้สายเส้นเดียวในการส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียง มีบิตเรทสูงสุดอยู่ที่ 4.9Gbps รองรับสัญญาณวิดีโอระดับ
165 Mpixels/sec video (1080p60Hz or UXGA) และระบบเสียง
8-channel/192kHz/24-bit audio.
- HDMI 1.0 Released December 2002
ใช้สายเส้นเดียวในการส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียง มีบิตเรทสูงสุดอยู่ที่ 4.9Gbps รองรับสัญญาณวิดีโอระดับ
165 Mpixels/sec video (1080p60Hz or UXGA) และระบบเสียง
8-channel/192kHz/24-bit audio.
- HDMI 1.1 Released May 2004
เพิ่มการรองรับ DVD Audio
เพิ่มการรองรับ DVD Audio
- HDMI 1.2 Released August 2005
เพิ่มการรองรับ One Bit Audio ที่มีการใช้งานใน Super Audio CDs ระบบเสียง 8 channels.
ประกาศใช้มาตรฐานหัวต่อแบบ A สำหรับเครื่อง PC
อนุญาตให้ PC ใช้สัญญาณภาพระบบสีแบบ RGB ได้ และมีออปชันให้รองรับระบบสีแบบ YCbCr CE ด้วย
ต้องการจอภาพที่ได้มาตรฐาน HDMI 1.2 หรือสูงกว่าเพื่องรับมาตรฐานแรงดันไฟที่ลดลง
เพิ่มการรองรับ One Bit Audio ที่มีการใช้งานใน Super Audio CDs ระบบเสียง 8 channels.
ประกาศใช้มาตรฐานหัวต่อแบบ A สำหรับเครื่อง PC
อนุญาตให้ PC ใช้สัญญาณภาพระบบสีแบบ RGB ได้ และมีออปชันให้รองรับระบบสีแบบ YCbCr CE ด้วย
ต้องการจอภาพที่ได้มาตรฐาน HDMI 1.2 หรือสูงกว่าเพื่องรับมาตรฐานแรงดันไฟที่ลดลง
- HDMI 1.2a Released December 2005
มีการทดสอบและประกาศมาตรฐาน รวมถึงระบบควบคุมต่างๆ อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า
มีการทดสอบและประกาศมาตรฐาน รวมถึงระบบควบคุมต่างๆ อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า
- HDMI 1.3 Released 22 June 2006.[7] [8]
เพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลขึ้นไปที่ 340 MHz (10.2 Gbps)
รองรับความละเอียดสีที่ระดับ 30-bit, 36-bit, and 48-bit xvYCC ซึ่งเป็นออปชัน
มีการเพิ่มระบบการซิงก์สัญญาณเสียงอัตโนมัติ
รองรับการส่งสัญญาณขาออกแบบ Dolby TrueHD and DTS-HD
Master Audio streams สำหรับตัวถอดรหัสภายนอก ซึ่งระบบเสียงนี้จะมีใช้ใน HD-DVD
หรือ Blu-ray แต่ถ้าเครื่องเล่น DVD สามารถถอดรหัสได้อยู่ก็สามารถส่งข้อมูลผ่าน HDMI ได้เลย
มีมาตรฐานหัวต่อขนาดเล็กสำหรับใส่ในอุปกรณ์ขนาดเล็กจำพวกกล้องถ่ายวิดีโอ
เพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลขึ้นไปที่ 340 MHz (10.2 Gbps)
รองรับความละเอียดสีที่ระดับ 30-bit, 36-bit, and 48-bit xvYCC ซึ่งเป็นออปชัน
มีการเพิ่มระบบการซิงก์สัญญาณเสียงอัตโนมัติ
รองรับการส่งสัญญาณขาออกแบบ Dolby TrueHD and DTS-HD
Master Audio streams สำหรับตัวถอดรหัสภายนอก ซึ่งระบบเสียงนี้จะมีใช้ใน HD-DVD
หรือ Blu-ray แต่ถ้าเครื่องเล่น DVD สามารถถอดรหัสได้อยู่ก็สามารถส่งข้อมูลผ่าน HDMI ได้เลย
มีมาตรฐานหัวต่อขนาดเล็กสำหรับใส่ในอุปกรณ์ขนาดเล็กจำพวกกล้องถ่ายวิดีโอ
HDCP สิ่งสำคัญที่ไม่ควรผลาด
HDCP หรือ High-bandwidth Digital Content Protection
เป็นมาตรฐานรูปแบบหนึ่งของ Digital Rights Management ที่ทาง Intel
ได้พัฒนาขึ้นมา ซึ่งถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือเป็นระบบควบคุมลิขสิทธิ์ข้อมูลดิจิตอล หรือป้องกันการก็อปปี้นั่นเอง
โดยมันจะเป็นมาตรฐานที่คอยป้องกันทั้งสัญญาณภาพและเสียงที่ถูกส่งออกไปผ่านทางการเชื่อมต่อแบบ DVI
และ HDMI โดยที่มาตรฐาน HDCP นี้จัดเป็นมาตรฐานปิดของทาง Intel และผู้ที่จะเข้าร่วมกับ
มาตรฐานนี้ได้จำเป็นจำต้องได้รับใบอนุญาตเสียก่อนด้วย
HDCP หรือ High-bandwidth Digital Content Protection
เป็นมาตรฐานรูปแบบหนึ่งของ Digital Rights Management ที่ทาง Intel
ได้พัฒนาขึ้นมา ซึ่งถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือเป็นระบบควบคุมลิขสิทธิ์ข้อมูลดิจิตอล หรือป้องกันการก็อปปี้นั่นเอง
โดยมันจะเป็นมาตรฐานที่คอยป้องกันทั้งสัญญาณภาพและเสียงที่ถูกส่งออกไปผ่านทางการเชื่อมต่อแบบ DVI
และ HDMI โดยที่มาตรฐาน HDCP นี้จัดเป็นมาตรฐานปิดของทาง Intel และผู้ที่จะเข้าร่วมกับ
มาตรฐานนี้ได้จำเป็นจำต้องได้รับใบอนุญาตเสียก่อนด้วย
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี HDMI นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ และก็ดูท่าทางจะเข้ามาแทนที่
การเชื่อมต่อพวก Composite, Component หรือ S-Video ในปัจจุบัน อย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ถ้าจะพูดถึงความน่าใช้แล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าผู้ใช้อาจจะยังไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากการใช้งาน
HDMI ที่แตกต่างจาก DVI มากนัก เพื่อเรื่องของตัวข้อมูลที่เป็น High-Definition
ก็ยังมีไม่แพร่หลายมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ดังนั้นการใช้งานจึงอาจจะจำกัดอยู่ที่กลุ่มผู้ใช้ที่ชอบดูหนัง
ฟังเพลงแบบ High-Definition จริงๆ เท่านั้น และผู้ใช้เหล่านี้ก็ไม่ได้รู้สึกลำบาก
ที่จะต้องมาต่อสายหลายๆ เส้นอีกด้วย ในทางกลับกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกยืดหยุ่นกับการใช้งานมากกว่าการ
ใช้สายเพียงเส้นเดียวของ HDMI ดังนั้นถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ใจรักอยากลอง HDMI แล้วด้วยราคาของอุปกรณ์
และคุณภาพที่ยอดเยี่ยมก็คงได้สนองกิเลสกันได้บ้าง แต่ถ้าถามว่ามาตรฐานตัวนี้จะเกิดหรือดับ
ก็คงต้องรอดูกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปที่ได้รับประโยชน์ในเรื่องความสะดวกสบายไปเต็มๆ
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราคงต้องรอให้ข้อมูลแบบ High-Definition ออกมาแพร่หลายกันก่อน
การเชื่อมต่อพวก Composite, Component หรือ S-Video ในปัจจุบัน อย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ถ้าจะพูดถึงความน่าใช้แล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าผู้ใช้อาจจะยังไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากการใช้งาน
HDMI ที่แตกต่างจาก DVI มากนัก เพื่อเรื่องของตัวข้อมูลที่เป็น High-Definition
ก็ยังมีไม่แพร่หลายมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ดังนั้นการใช้งานจึงอาจจะจำกัดอยู่ที่กลุ่มผู้ใช้ที่ชอบดูหนัง
ฟังเพลงแบบ High-Definition จริงๆ เท่านั้น และผู้ใช้เหล่านี้ก็ไม่ได้รู้สึกลำบาก
ที่จะต้องมาต่อสายหลายๆ เส้นอีกด้วย ในทางกลับกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกยืดหยุ่นกับการใช้งานมากกว่าการ
ใช้สายเพียงเส้นเดียวของ HDMI ดังนั้นถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ใจรักอยากลอง HDMI แล้วด้วยราคาของอุปกรณ์
และคุณภาพที่ยอดเยี่ยมก็คงได้สนองกิเลสกันได้บ้าง แต่ถ้าถามว่ามาตรฐานตัวนี้จะเกิดหรือดับ
ก็คงต้องรอดูกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปที่ได้รับประโยชน์ในเรื่องความสะดวกสบายไปเต็มๆ
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราคงต้องรอให้ข้อมูลแบบ High-Definition ออกมาแพร่หลายกันก่อน
http://nhephex.exteen.com/20081217/hdmi